[ใหม่] เหรียญมหายันต์หลวงปุ่สรวงปี39วัดเลียบ กทม. ครอบจักรวาล

430 สัปดาห์ ที่แล้ว - กรุงเทพมหานคร - เขตตลิ่งชัน - คนดู 25

600 ฿

  • เหรียญมหายันต์หลวงปุ่สรวงปี39วัดเลียบ กทม. ครอบจักรวาล รูปที่ 1
รายละเอียด
เหรียญมหายันต์หลวงปุ่สรวงปี39วัดเลียบ กทม. ครอบจักรวาลเหรียญมหายันต์หลวงปู่สรวงวัดเลียบปี39กรุงเทพ พิธีใหญ่ประสพการณ์สูงเหรียญมหายันต์ เนื้ออัลปาก้า หลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดิน
เหรียญสวยมากๆ เก็บไว้ประกวดได้เลย เหรียญนี้สร้างปี39 บางคนเข้าใจผิดคิดว่าสร้างปี51มีพิธีสร้างที่วัดเลียบอย่างแน่นอน หลวงปู่สรวง เสกแน่ชัด มีหลวงพ่อสร้อยร่วมเสก หลวงปู่ข้าวแห้งร่วมเสก สามเกจิอาจารย์ขลัง เสกเน้นด้าน มหาอุด คงกะพัน ทางเมตตา โชคลาภ ครบสูตร พิธีนี้ หลวงปู่สรวงนั่งรถมาเสกให้เห็นๆ แม้แต่ตะกรุดในพิธีนี้ เสกจนลอยน้ำ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อสายตรงเก็บเข้ารัง จนใกล้หมดแล้ว ของดีไม่ต้องโฆษณามาก
สนใจติดต่อ

ธนวัฒน์ โทร0870977567 โทร 092 2644368
ให้เช่าหาบูชาองค์ละในราคา 600 บาทค่าส่งอีกองค์ละ 50 บาท

พระเครื่องหลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดินตำนานพระเกจิและภาคอภินิหาร
วัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง สนใจไปที่
www.หลวงปู่สรวง.net
หรือ ติดต่อ ธนวัฒ์ปู่สรวง โทร 09226443648

ไปเอาพระไม้จากกัมพูชา
หลวงปู่ได้พาลูกศิษย์ไปกัมพูชาอีกครั้งหนึ่ง ในการไปครั้งนี้ มีลูกศิษย์ใหม่ จากบ้านตารางสวาย ตำบลดองกำเม็ด อำเภอขุขันธ์ ไปด้วยหนึ่งคน ชื่อ นายพล แหวนเงิน โดยให้เป็นผู้สะพายย่ามสะพายบาตรให้พระผู้ที่ไปในครั้งนี้นอกจากพระบัวพัน กับสามเณรเต่า สามเณรแดง เป็นผู้ติดตามเช่นเคย พอลงไปในเขตประเทศเขมร ก็ดิ่งตรงไปที่ป่าลึกแห่งใหม่ที่ไม่เคยไปมาก่อน เดินทางไปประมาณ 11 วัน อาหารการขบฉันเป็นเผือก มัน ที่มีอยู่ทั่วไป บางครั้งท่านก็รูดใบไม้ให้ฉันแต่ก็รู้สึกอิ่มไม่เหน็ดเหนื่อย คงมีกำลังวังชาแข็งแรงเหมือนปกติเดินผ่านป่าดงทึบ ที่มีแดดครึ้มแทบมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ พอถึงเที่ยงวันหลวงปู่พาหยุดพักข้างๆทางทุกวัน เป็นการหลบให้ทางสัตว์ร้าย เช่น เสือหรือหมี ที่มักจะเดินตามทางช่วงเที่ยงวัน พอบ่ายหน่อยกะว่าสัตว์ร้ายต่างๆผ่านไปแล้ว และได้หยุดพักพอมีกำลังออกเดินทางต่อเวลากระหายน้ำ ก็เอามีดไปตัดเครือไม้ขนาดใหญ่ มีน้ำไหลออกมาได้ดื่มกัน นับว่าธรรมชาติมีประโยชน์ต่อมนุษย์เรามาก ถ้าเรารู้จักใช้ชาวป่าจะรู้สึกดีว่าพืชไหนเป็นพิษและไม่เป็นพิษ และสามารถกำจัดสิ่งที่เป็นพิษนำมาใช้เป็นอาหารได้ รวมทั้งการนำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย แต่ทุกวันมนุษย์ได้ทำลายธรรมชาติเพื่อเป็นประโยชน์เฉพาะหน้า จึงทำให้ไม้ที่เป็นประโยชน์สูญพันธ์ไปอย่างน่าเสียดาย
เวลาประมาณบ่าย 4 โมง อากาศเริ่มเย็นลง ความมืดเริ่มปกคลุมป่า เสียงสัตว์ป่า เสียงนกหลายชนิดรวมทั้งแมลงร้องกันเซ็งแซ่ระงมไปทั่วทั้งป่า ชะนีส่งเสียงร้องอย่างโหยหวล สลับกับการคำรามของเสือโคร่งเจ้าป่าทำให้บรรยากาศที่เย็นอยู่แล้ว ยิ่งเย็นลงไปอีก หลวงปู่พาหยุดพักก่อกองไฟ หาเผือกหามันมาเผาฉันกัน เวลานอนทุกคนอยากจะนอนตรงกลางเพื่อน แต่การนอนกลางนั้นจะเป็นอันตรายมากกว่าคนที่นอนข้าง เพราะเสือนั้นเวลาจะคาบคนไปกิน มันจะคาบเอาคนนอนกลาง เพราะถือว่าเป็นคนขี้ขลาดสะดวกในการคาบเอาไปกิน ก่อนนอนทุกคนจะสวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้าที่เจ้าป่าและสรรพวิญญาณทั้งปวง ในแต่ละคืนบรรดาลูกศิษย์จะผลัดกันนอนครั้งละสองคน ที่นั่งอยู่ก็จะคอยเติมฟืนให้ไฟลุกอยู่ตลอดเวลา ส่วนหลวงปู่ท่านจะนอนพักผ่อนผิงไฟจะลุกออกมานั่งบ้างในช่วงดึกที่อากาศหนาวจัด ถึงแม้ว่าอยู่กลางป่ามีสัตว์ร้ายมากมายก็ตาม แต่ก็ไม่มีเสือหรือสัตว์อื่นใดเข้ามาใกล้บริเวณที่คณะของหลวงปู่พักอยู่เลย
เดินทางไปประมาณ 11 วัน ไปพบปราสาทเล็กๆตั้งอยู่กลางป่า เป็นปราสาทที่ปรักหักพังลงไปบ้างแล้วแต่ก็ยังอยู่ในสภาพที่ดี รอบข้างปราสาทมีต้นไม้ขึ้นแทรกติดกับหินศิลาแลงที่ก่อขึ้นเป็นตัวปราสาททำให้มีรอยร้าวอยู่ทั่วไป หลวงปู่ได้เข้าไปองค์เดียว เป็นเวลานานทีเดียว พอท่านออกมาได้ถือเอาพระพุทธรูปบูชาขนาดเล็กออกมาด้วย ทุกคนได้ขออนุญาตหยิบดู เป็นพระพุทธรูปที่แกะจากไม้มีน้ำหนักเบาขนาดหน้าตักประมาณ 3 นิ้ว หลังจากที่ได้พระพุทธรูปแล้วหลวงปู่ก็พากลับตามเส้นทางเดิม โดยพระพุทธรูปนั้นหลวงปู่เป็นผู้ถือ จนกระทั่งถึงกระท่อมบ้านจะบก หลวงปู่จึงได้มอบให้พระบัวพัน ซึ่งพระอธิการบัวพัน (ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านโป่ง ในปัจจุบัน) ได้ถือนำมาบูชาติดตัวอยู่ทุกวันนี้
พักอยู่บ้านจะบกประมาณ 2-3 วัน หลวงปู่ก็ได้เดินทางมาร่วมงานยกช่อฟ้าวัดหนองเชียงทูล อำเภอปรางค์กู่ ซึ่งจัดงานทำบุญยกช่อฟ้า ประมาณกลางเดือน มีนาคม พ.ศ.2529 อยู่ร่วมพิธีพุทธาภิเษกเป็นเวลา 2 คืน ก็กลับมาพักที่วัดบ้านโป่งแล้วก็กลับไปที่บ้านจะบกตามเดิม