[ใหม่] ถ้วยดูดสุญญากาศ ครอบแก้วสูญญากาศรักษาโรค

553 สัปดาห์ ที่แล้ว - นนทบุรี - คนดู 1,236

450 ฿

  • ถ้วยดูดสุญญากาศ ครอบแก้วสูญญากาศรักษาโรค รูปที่ 1
  • ถ้วยดูดสุญญากาศ ครอบแก้วสูญญากาศรักษาโรค รูปที่ 2
รายละเอียด


ถ้วยดูดสุญญากาศ กล่องใหญ่ ราคา 750 บาท (ถ้วย 12 ใบ+คู่มือ(ภ.จีน-อังกฤษ)+ซีดี


ถ้วยดูดสุญญากาศ กล่องเล็ก   ราคา 450 บาท (ถ้วย 6 ใบ+คู่มือ(ภ.จีน-อังกฤษ)


ประกอบด้วย ตัวสูบดูดอากาศ ถ้วยดูดสุญญากาศ


 

ประวัติความเป็นมาของชุดถ้วยดูดสุญญากาศ (Vacuum Cupping)

ศาตราจารย์ ดร.วูชุนซี เป็นชาวจิหลิง ตระกูลเป็นแพทย์แผนโบราณจีนโดยเฉพาะ ชำนาญการวางถ้วยดูดระบบสุญญากาศ(vacuum cupping)บำบัดอาการโรคต่างๆ ในวัยหนุ่มอาจารย์วูนอกจากได้สืบทอดวิชาชีพแพทย์แผนจีนโบราณ รวมทั้งวิธีการวางถ้วยดูดระบบสูญญากาศจากตระกูลแล้ว ยังใช้เวลาอีกหลายสิบปีศึกษาค้นคว้าวิชาความรู้ของการวางถ้วยดูดระบบสุญญากาศอย่างต่อเนื่อง

             

                                  ศาสตราจารย์ ดร.วูชุนซีและอาจารย์สุทัศน์ที่ปักกิ่ง

  ปี 2536 อาจารย์วูประสบความสำเร็จในการผลิตชุดเครื่องปั๊มดูดอากาศแบบสมัยใหม่มาแทนการใช้ถ้วยแก้วลนไฟ ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือปั๊มดูดที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงการเกิดเผาไหม้บนผิวหนัง ยังสามารถทำการดูด ทิ้งเวลาที่วางถ้วยดูดก็ยาวนานกว่า โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ ต่อสุขภาพผู้ป่วย จากชุดเครื่องปั๊มดูดสมัยใหม่ที่ถูกค้นคว้าผลิตขึ้น อาจารย์วูได้ประสานใช้วิชาความรู้ของทฤษฎีพื้นฐานแพทย์แผนจีน โดยเฉพาะการบำบัดอาการโรคที่ต้องอิงกับระบบเส้นลมปราณ และวิธีบำบัดที่เน้นบำบัดอาการโรคทั่วไป ควบคู่กับการบำบัดอาการโรคเฉพาะไปพร้อมกัน โดยค้นคว้าสูตรเฉพาะวางถ้วยครอบดูด 18 ถ้วยบนแผ่นหลังร่างกายผู้ป่วยตามจุดต่างๆ ของเส้นลมปราณตู่และเส้นลมปราณเท้ากระเพาะปัสสาวะ ทำให้สามารถวางถ้วยครอบบำบัดบนร่างกายผู้ป่วยได้เพิ่มมากขึ้น เป็นวิธีการที่สามารถเช็คตรวจสุขภาพและวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยรวมทั้งเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงในการขจัดดูดของเสีย สารพิษต่างๆ ออกจากร่างกายของผู้ป่วย และปรับทั่วทั้งร่างกายเข้าสู่สมดุล

 

สรรพคุณพิเศษของชุดถ้วยดูดสุญญากาศ (Vacuum Cupping)

1. ถ้วยใสสว่าง เช็คตรวจได้ชัดและง่ายต่อการเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีผิวหนัง

2. ถ้วยดูดทั้งหมดมี 4 ขนาด แต่ละขนาดจะเหมาะใช้กับจุดสะท้อนตามลักษณะส่วนต่างๆ ของร่างกาย

3. วัสดุส่วนประกอบของถ้วยดูดคุณภาพดี ทนทาน และทำความสะอาด ฆ่าเชื้อได้ง่าย

 4. เครื่องปั๊มดูดมีพลัง และสามารถปรับแรงดันในถ้วย ผ่อนหนักผ่อนเบาได้

5. สามารถทำการดูดได้ทันที ไม่ทำลายผิวหนังให้เกิดการเจ็บปวด

6. กรรมวิธีการใช้ ง่าย สะดวก ไม่ก่อให้เกิดรอยเผาไหม้บนผิวหนัง

 

 

 

7. คู่มือหนังสือ

8. การบรรจุผลิตภัณฑ์ดี พกพาสะดวก เหมาะใช้เป็นประโยชน์สำหรับทุกครัวเรือน



ถ้วยดูดสุญญากาศ (ครอบกระปุก)  สามารถดูดของเสียสารพิษ  หรือกระทั่งลิ่มเลือดออกจากร่างกายโดยตรง  และไม่ก่อเกิดผลข้างเคียงใดๆ  ต่อสุขภาพร่างกาย

ประวัติความเป็นมาของถ้วยดูดระบบสุญญากาศ

                   คนจีนเรียนรู้วิธีใช้ถ้วยดูดระบบสุญญากาศมาบำบัดอาการโรคต่างๆ ตามหนังสือบันทึกมีประวัติยาวนานมากว่า 2000 ปี เดิมใช้เขาของสัตว์ทำเป็นกล่อง ต้มกับน้ำร้อนหรือจุดไฟลนให้เกิดสูญญากาศ แล้วนำมาครอบบำบัดอาการโรคต่างๆ โดยเฉพาะบำบัดอาการที่เจ็บปวดอักเสบ ดูดสารพิษ ดูดลิ่มเลือดออกจากร่างกาย ออกจากบริเวณผิวหนังที่มีอาการอักเสบรุนแรง ต่อมาได้ถูกพัฒนาเปลี่ยนเป็นถ้วยทำด้วยไม้ไผ่หรือถ้วยแก้ว แต่ยังต้องลนให้เกิดสุญญากาศ 2000 กว่าปีที่ผ่านมา ถ้วยดูดระบบสุญญากาศเคยถูกแพทย์แผนจีนโบราณ หรือหมอชาวบ้านนำมาบำบัดอาการโรคต่างๆ ให้ชาวจีน ค่อนข้างแพร่หลายในจีนผืนแผ่นดินใหญ่ โดยเฉพาะตามชนบท ตามสถานที่ห่างไกลจากหัวเมือง และยังมีครัวเรือนไม่น้อยในประเทศจีน เรียนรู้ถึงประโยชน์และกรรมวิธีการใช้เครื่องมือแพทย์ชุดนี้ และได้สำรองเครื่องมือแพทย์นี้ไว้ในครัวเรือน เวลามีสมาชิกผู้ใดเกิดมีอาการเจ็บปวดหรือกระทั่งอักเสบตามบริเวณผิวหนังของอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกาย ก็จะนำถ้วยมาลนไฟแล้วครอบบำบัด อาการเจ็บปวดหรือผิดปกติที่มีอยู่ ก็จะถูกขจัดแก้ไขบรรเทาหายได้โดยเร็ว

        ศาสตราจารย์ดร.วูซุนซี (เป็นชาวจี๋หลิง อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน) เป็นอาจารย์ของ อ.สุทัศน์  กุลสันติพงศ์ ประสบความสำเร็จในการผลิตขุดเครื่องปั๊มดูดอากาศแบบสมัยใหม่มาแทนการใช้ถ้วยแก้วรนไฟ  ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือปั๊มดูดที่ปลอดภัย  หลีกเลี่ยงการเกิดรอยไหม้บนผิวหนัง และสามารถวางถ้วยดูดยาวนานกว่า  โดยไม่ก่อเกิดผลข้างเคียงใดๆต่อสุขภาพผู้ป่วย  จากชุดเครื่องปั๊มดูดสมัยใหม่ที่ถูกค้นคว้าผลิตขึ้น อ.วูได้ใช้ประสานกับความรู้ทฤษฎีพื้นฐานแพทย์แผนจีน  โดยเฉพาะการบำบัดอาการโรคที่ต้องอิงกับระบบเส้นลมปราณ และวิธีบำบัดที่เน้นบำบัดอาการโรคทั่วหน้า (องค์รวม)ควบคู่กับการบำบัดอาการเฉพาะโรคไปพร้อมกัน

ทฤษฎีในการบำบัดโรคของถ้วยดูดสุญญากาศ

               ทฤษฎีของการวางถ้วยดูดระบบสุญญากาศ (Vacuum Cupping)ในการบำบัดอาการโรคต่างๆ อาศัยการปฏิบัติงานของชุดเครื่องปั้มดูดระบบสุญญากาศ ปั้มดูดอากาศออกจากภายในบริเวณถ้วย ความกดดันของสุญญากาศดึงดูดผิวหนังให้นูนสูงขึ้น บริเวณผิวหนังดังกล่าว ถูกกระตุ้นถูกกดดันทำให้เนื้อเยื่อถูกทำลาย ผลักดันให้เลือดลมไหลเวียนเข้ามาหล่อเลี้ยงบริเวณดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น ในเวลาเดียวกันก็ได้ผลักดันให้เส้นลมปราณ จุดต่างๆ ของเส้นลมปราณ เซลล์ของเส้นประสาท เซลล์ของเลือดเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านพยาธิวิทยา ผลักดันให้เม็ดเลือดขาวเคลื่อนตัวเข้ามากำจัดสิ่งแปลกปลอม สารพิษเชื้อโรค ของเสียต่างๆ เหล่านี้ถูกขจัดออกจากผนังของหลอดเลือดประสานกับการกดดันของถ้วยดูด และการปฏิบัติหน้าที่งานของผิวหนัง ของเสียสารพิษบางส่วนจะถูกดูดออกจากรูขุมขนของผิวหนังโดยตรง สะท้อนออกเป็นไอน้ำ หยดน้ำเกาะติดอยู่กับผนังของถ้วยดูด บางส่วนจะถูกดูดมาเกาะติดอยู่กับผิวหนัง (สะท้อนออกเป็นสีผิวต่างๆ) จากนั้นจะถูกขจัดออกจากร่างกายพร้อมกับเหงื่อ หรือสลายไปตามเลือดลมที่หมุนเวียนอยู่ในระบบหลอดเลือด ถูกขับออกจากร่างกายโดยทางปัสสาวะและอุจจาระ ของเสียสารพิษต่างๆ ถูกขจัดออกจากผนังหลอดเลือด ผนังหลอดเลือดขยายกว้างขึ้น เลือดลมไหลเวียนอยู่ในระบบหลอดเลือด ถูกปรับเข้าสู่การหมุนเวียนอย่างมีระเบียบ อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายได้รับเลือดมาหมุนเวียนหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ ปรับการปฏิบัติหน้าที่งานเข้าสู่ปกติและมีประสิทธิภาพทั่วทั้งร่างกายก็จะถูกปรับเข้าสู่สมดุล

ถ้วยดูดสามารถดูดของเสียสารพิษน้ำเหลือง (เสีย) และลิ่มเลือดออกจากร่างกายโดยตรง            

             สีผิวสะท้อนอาการสุขภาพและสะท้อนถึงของเสียสารพิษร่างกายดึงดูดออกมาเกาะติดอยู่กับผิวหนัง หลังวางถ้วยดูดทิ้งระยะเวลาสักพักหลีกเลี่ยงไม่พ้นจะมีสีผิวเกิดขึ้นภายในบริเวณถ้วยดูดบนผิวหนัง นอกจากสะท้อนถึงของเสียสารพิษในร่างกายได้ถูกขจัดออกจากอวัยวะภายใน แล้วมาเกาะติดอยู่กับผิวหนัง ยังได้สะท้อนถึงอาการผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกาย และการปฏิบัติหน้าที่งานบกพร่องของลมปราณ เช่น

สีขาว    -   ผิวสีขาวสัมผัสแล้วรู้สึกเย็น สะท้อนถึงอาการพร่องของลมปราณและเลือดที่หล่อเลี้ยงไม่เพียงพอ

 

 

สีแดง    -   สะท้อนถึงการไหลเวียนผิดระเบียบของเลือดลม อิน(หยิน)พร่อง  หยางสูง ความร้อนพุ่งสูงทำให้เกิดอาการ
            ปวดหัวตัวร้อน  เป็นต้น
 
สีแดงอ่อนควบสีเหลือง  -  สะท้อนถึงความชื้นเกาะติด  หรืออาจกระทบกระเทือนจากความเย็น และความร้อนภายนอก

 

 

สีม่วงและมีรอยของสีเทา  -  สะท้อนถึงมีความหนาวเย็น  และมีลิ่มเลือดเกาะติด 
 
ผิวสีเป็นสีม่วงเข้มอ่อนกระจาย  -   สะท้อนถึงลมปราณติดขัด  และมีลิ่มเลือดเกาะติดบางส่วน
 
สีดำคล้ำ   -   สะท้อนถึงลิ่มเลือดเกาะติด  เลือดลมไหลเวียนติดขัด  ปวดประจำเดือนหรือเลือดหล่อเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ
 
                  ของเสียสารพิษต่างๆ  ที่ถูกดึงดูดออกมาเกาะติดอยู่ตามผิวหนัง  บางส่วนจะถูกขับออกโดยทางผิวหนังออกเป็นเหงื่อ  บางส่วนจะถูกขับออกไหลเวียนไปตามเลือดลมที่ไหลเวียนในระบบหลอดเลือดออกทางปัสสาวะและอุจจาระ  ถ้าหากทำการดูดบำบัดต่อเนื่องของเสียสารพิษ   ทยอยถูกขจัดถูกสลาย  ผิวสีต่างๆ  ก็จะทยอยจางหายปรับกลมกลืนดั่งผิวสีปกติ  สอดคล้องกับสุขภาพร่างกายที่ถูกปรับปรุงแข็งแรงดีขึ้น  แต่ถ้าหากเป็นสีม่วงคล้ำหรือสีดำคล้ำหลังทำการดูดต่อเนื่องหลายวัน   ผิวสียังไม่ถูกปรับปรุงดีขึ้นสะท้อนถึงบริเวณดังกล่าวลิ่มเลือดที่เกาะติดมาและเกาะลึก   จำเป็นต้องใช้เข็มเฉพาะเคาะตีบริเวณผิวหนังดังกล่าว   และทยอยดูดเอาลิ่มเลือดออก   (กรณีพิเศษของผู้ป่วยบางรายที่มีอาการบวม  วางถ้วยดูดที่จุดลมปราณที่มีอาการเจ็บปวดต่อเนื่องหลายวันไม่สะท้อนออกเป็นสีม่วงคล้ำหรือดำคล้ำ   แต่สะท้อนออกเป็นสีผิวขาวหรือสีแดงอ่อนสัมผัสกดนวดถูกยังรู้สึกเจ็บปวดมาก   เป็นอาการอีกรูปแบบหนึ่งที่สะท้อนถึงมีความชื้นและลิ่มเลือดเกาะติด)
 
หมายเหตุ   กรณีของผู้ป่วยที่มีสีผิวหรือบริเวณสะท้อนออกมีลิ่มเลือดเกาะติด   ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำการวินิจฉัยและกำจัดลิ่มเลือดออกให้
     
                ปกติถ้าหากบริเวณผิวหนังใด   จุดลมปราณใด   รวมทั้งอวัยวะภายในร่างกายที่เกี่ยวสัมพันธ์กับจุดลมปราณดังกล่าว  เลือดลมไหลเวียนหล่อเลี้ยงติดขัด  จนเกิดอาการเจ็บปวดหรือผิดรูปทรง  หลังวางถ้วยดูดสักพักจะสังเกตที่บริเวณผนังถ้วยดูดมีไอน้ำ  หรือหยดน้ำเกาะติด  สะท้อนถึงก๊าซเสียหรือความชื้นที่เกาะติดสะสมอยู่ตามจุดลมปราณ  หรืออวัยวะที่เกี่ยวพันธ์ถูกดูดออกมา

 

                    สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการโรครุนแรงสะสมยาวนาน บริโภคยาแผนปัจจุบันมายาวนานหลายปี หรือผู้ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในบริเวณเขตมีสารพิษสารเคมีมาก (เช่นโรงงานที่เกี่ยวข้องกับสารพิษสารเคมี) หลังการวางถ้วยดูดสักพักจะสังเกตบนผิวหนังอาจจะมีตุ่มเกิดขึ้น บ้างเป็นตุ่มน้ำใสๆ บ้างมีตุ่มที่มีเจือปนเส้นเลือดฝอยสีแดง บ้างมีตุ่มมีของเหลวสีเหลือง บ้างเป็นตุ่มลิ่มเลือด สะท้อนถึงของเสียสารพิษน้ำเหลืองเสียในร่างกายซึ่งเกาะติดอยู่ผนังหลอดเลือด ถูกขจัดดูดออกมาเกาะรวมเป็นตุ่มเกาะติดบนผิวหนัง วิธีขจัดกับตุ่มเหล่านี้ใช้เข็มเฉพาะทำการฆ่าเชื้อโรคด้วยแอลกอฮอล์แล้วแทงเขี่ยให้ของเหลวสารพิษไหลออกจากตุ่ม (สามารถอาบน้ำได้ปกติแต่อย่าใช้สบู่หรือใช้ผ้าเช็คตัวถูถูก)  ตุ่มเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการคันซึ่งเป็นอาการปกติ  เพราะสะท้อนถึงแก๊ซเสียสารพิษถูกขับออกมา ของเสียสารพิษในตุ่มถูกขจัดออก ผนังหลอดเลือดขยายกว้างขึ้นส่งผลให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนมีประสิทธิภาพ ภูมิคุ้มกันจะยิ่งแข็งแรง ฉะนั้นถ้าหากทำการดูดต่อเนื่องในวันต่อๆ ไปยังเกิดมีตุ่มต่างๆ เกิดขึ้นบนผิวหนัง (อาจอยู่ในบริเวณพื้นที่ผิวหนังเดิม หรือเกิดขึ้นใหม่ในบริเวณถ้วยดูดอื่น) ต้องเน้นให้ผู้ป่วยอย่าตกใจและชี้แจงให้เข้าใจถึงกรรมวิธีขจัดของเสียสารพิษ ส่วนลึกในร่างกายให้กำลังใจผู้ป่วยให้มารับการบำบัดต่อเนื่อง จนกว่าไม่มีตุ่มสารพิษถูกดูดออกมาอีก จากนั้นบริเวณดังกล่าจะตกสะเก็ดหลังจาก 3-4 วันผ่านไปสะเก็ดที่เกาะติดจะหลุดออก ผิวหนังบริเวณดังกล่าวจะฟื้นคืนสู่ปกติ  แต่ถ้าหากหยุดการบำบัดทันทีก็จะทำให้ของเสียสารพิษที่อยู่ส่วนลึก ไม่สามารถถูกขจัดออกหรืออาจไปเกาะติดเป็นก้อนใหม่ ทำให้เกิดอาการบวมเจ็บก็ได้

ทำไมถึงว่าใช้วิธีขจัดลิ่มเลือดออกจากตามจุดลมปราณ   ตามบริเวณข้อต่อต่างๆ   โดยการใช้เข็มเฉพาะเคาะตีแล้วนำถ้วยดูดทยอยดูดลิ่มเลือดออก  เป็นวิธีบำบัดที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผล   ปลอดภัยและไม่ก่อเกิดผลข้างเคียงใดๆ  ต่อสุขภาพผู้ป่วย

            1. บริเวณผิวหนังที่วางถ้วยดูดเป็นสุญญากาศ  เชื้อโรคจากภายนอกจะไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในบริเวณผิวหนังดังกล่าวได้  ฉนั้นบริเวณผิวหนังดังกล่าว  หลังทำการขจัดลิ่มเลือดแล้วจะไม่ก่อเป็นแผลเป็นหรือบวมซ้ำใดๆ

            2. เข็มเฉพาะที่ทำการเคาะตี  ใช้เฉพาะกับผู้ป่วยรายบุคคลโดยเฉพาะ  ก่อนทำการเคาะตีหรือเสร็จสิ้นการบำบัดต้องใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ  เช่นเดียวกับจุดลมปราณหรือบริเวณผิวหนังที่จะทำการบำบัดก่อนบำบัดหรือเสร็จสิ้นบำบัดต้องใช้แอลกอฮอล์เช็ดฆ่าเชื้อทำความสะอาดบริเณดังกล่าว

           3. วิธีบำบัดดังกล่าวอาศัยหน้าที่สรีรวิทยาของผิวหนังที่เชื่อมโยงกับเส้นลมปราณ  จุดลมปราณต่างๆ  ในร่างกาย (เนื่องจากผิวหนังเป็นสาขาย่อยของเส้นลมปราณในร่างกาย)  และเกียวสัมพันธ์กับเส้นประสาท  เซลล์ประสาท  และเลือดที่ไหลเวียนในระบบหลอดเลือด  (เนื่องจากผิวหนังต้องอาศัยเลือดและเส้นประสาท  เซลล์ประสาทมาหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ)  รวมทั้งยังสามารถทำหน้าที่ขับของเสียสารพิษออกจากรูขุมขนและป้องกันเชื้อโรคต่างๆ  เข้าทำร้ายร่างกาย  ซึ่งวิธีการบำบัดเป็นวิธีกระตุ้นผลักดันให้เส้นลมปราณ  จุดลมปราณ  เส้นประสาทและเซลล์ประสาตื่นตัว  ปฏิบัติหน้าที่งานอย่างกระฉับกระเฉงและมีประสิทธิภาพ  และผลักดันให้เม็ดเลือดขาวเคลื่อนตัวกำจัดของเสียสิ่งแปลกปลอม  รวมทั้งลิ่มเลือดออกจากผนังหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงอวัยวะที่มีปัญหาหรือข้อต่อที่อักเสบ  และถูกดึงดูดออกจากรูขุมขนของบริเวณผิวหนังภายในรัศมีของถ้วยดูด  หลังจากสารพิษต่างๆ  ลิ่มเลือดถูกดูดออกมาแล้วรูขุมขนของบริเวณผิวหนังดังกล่าวจะทำการปิดโดยปริยาย  และจากที่ของเสียสารพิษลิ่มเลือดถูกขจัดออกจากผนังหลอดเลือด   หลอดเลือดขยายกว้างเลือดกลับมาไหลเวียนหล่อเลี้ยงเข้าสู่ปกติ  การเสริมสร้างเซลลใหม่ก็จะมีประสิทธิภาพ  อวัยวะต่างๆ  ภายในร่างกายหรือโครงสร้างส่วนประกอบต่างๆ  ของข้อต่อที่เสื่อมโทรมก็จะสามารถถูกบูรณะ  ถูกฟื้นฟูเสริมสร้างใหม่  วิธีบำบัดดังกล่าวจึงเป็นวิธีดุลย์ภาพบำบัดที่มีประสิทธิภาพและเป็นวิธีบำบัดที่ปลอดภัย  ไม่ก่อเกิดผลข้างเคียงใดๆ  ต่อสุขภาพ

           4. สารพิษลิ่มเลือดถูกขจัดออกจากผนังหลอดเลือด   ผนังหลอดเลือดขยายกว้างขึ้น  เลือดลมกลับหล่อเลี้ยงไหลเวียนสู่ปกติ  อาการเจ็บปวดหรือกระทั่งอักเสบที่มีอยู่ก็จะทยอยทุเลาดีขึ้น  วิธีดังกล่าวเป็นวิธีดุลย์ภาพบำบัดที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

 สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการโรคข้อต่อต่างๆ  เจ็บปวดอักเสบ

           โรคข้อต่อเป็นอาการโรคที่คนไทยเป็นกันมากในปัจจุบัน   อาการโรคดังกล่าวเป็นได้ตั้งแต่วัยเด็กเล็ก   หนุ่มสาว   ไปจนผู้สูงอายุ

ส่วนประกอบของข้อต่อ  ประกอบด้วย

-          กระดูก

-          กล้ามเนื้อ

-          เส้นเอ็น

-          เส้นเอ็นเหนียว

-          หมอนรองกระดูก

-          เยื่อหุ้มข้อ

-          ปลอกหุ้มข้อ

 

                  ส่วนประกอบต่าง ๆ  ของข้อต่อต้องอาศัยของเหลวมาหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ   (ของเหลวนี้มาจากเส้นเลือด   เส้นประสาท   และหลอดน้ำเหลือง)   จึงจะสามารถปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ    และร่วมกันปฏิบัติงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน    ทำให้ข้อต่อสามารถปฏิบัติงานยืดหยุ่น  ทนทานและเคลื่อนไหวอย่างมีประสิทธิภาพ    แต่หากบริเวณของข้อต่อมีของเสียสารพิษทยอยตกค้างเกาะติดเป็นก้อน    หรือเกาะติดเป็นเลือดคลั่ง   ทำให้ของเหลวไม่สามารถไหลผ่านเข้ามาในโพรงเยื่อหุ้มปลอกหุ้มข้ออย่างราบรื่น    ส่วนประกอบต่าง ๆ  มิได้รับของเหลวมาหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ   ประสิทธิภาพงานจะทยอยถูกบั่นทอน     อาจทำให้ส่วนประกอบส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายๆ  ส่วนเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพเสื่อม     และส่งผลกระทบกระเทือนการไหลเวียนของของเหลวในปลอกเยื่อหุ้มข้อ     การไหลเวียนจะยิ่งสูญเสียความเป็นระเบียบ   ผนังหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงข้อต่ออยู่นับวันจะแคบลง   หรือกระทั่งอุดตัน    อาการเจ็บปวดของข้อต่อก็จะเกิดตามมาและถ้ามิได้รับการบำบัด   ขจัดแก้ไขถูกหลักวิธี  จนนานวันก็จะผันแปรเป็นอาการอักเสบเรื้อรัง

อาการเจ็บปวดหรืออักเสบของข้อต่อต่างๆ  เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุดังนี้

                   (1)   เกิดจากอุบัติเหตุต่าง ๆ  ทำให้ข้อต่อส่วนใดส่วนหนึ่งเกิดการบาดเจ็บ   หรือบาดเจ็บสาหัส    ถ้าเกิดการอักเสบแล้วมิได้ถูกขจัดแก้ไขโดยเร็ว     นานวันจะสะสมกลายเป็นอาการอักเสบเรื้อรัง

                   (2)   สาเหตุจากผู้ที่ออกกำลังกายไม่ถูกหลักวิธี    ก่อนออกกำลังกายมิได้อบอุ่นร่างกาย    โดยเฉพาะผู้ที่นิยมเล่นกีฬาประเภทหนักหน่วง    มิได้อบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ   ลีลาท่าทางของการออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอไม่ต่อเนื่อง    หรือบางครั้งออกกำลังกายเกินกำลังของตนเอง   ทำให้ข้อต่อใดข้อต่อหนึ่งเกิดการสะดุดและเจ็บปวดตามมา

                   (3)   สาเหตุจากร่างกายขาดแคลเซียม   และยังนิยมดื่มชาหรือกาแฟเป็นประจำ    และปกติก็ไม่ชอบออกกำลังกายเมื่ออายุมากขึ้นจึงง่ายต่อการเกิดอาการข้อต่อเจ็บปวด   จนถึงขั้นอักเสบ

                   (4)   สาเหตุจากโรคประจำตัว    เช่น  ความดันโลหิตสูง   เบาหวาน โรคหัวใจ   หรือสุขภาพอ่อนแอมีอาการปวดศีรษะบ่อย   เป็นหวัดบ่อย   ต้องทานยาอยู่เป็นประจำหรือบ่อยครั้ง   ผลข้างเคียงของสารยาเคมีที่ทยอยตกค้างอยู่ในอวัยวะต่าง ๆ  ในร่างกาย  โดยเฉพาะตามข้อต่อต่าง ๆ  สะสมนานวันทำให้การไหลเวียนของเลือดติดขัด    ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดของข้อต่อตามมา

                    วิธีบำบัด

 

                   -   อาการไม่รุนแรงหรือเพิ่งเกิดมีอาการใหม่ๆ    ใช้วิธีนวดฝ่าเท้าบำบัดนวดต่อเนื่องหลายๆ  วันจะสามารถช่วยบรรเทาอาการ    แต่ถ้าเป็นอาการที่อักเสบจำเป็นต้องประสานใช้วางถ้วยดูดสุญญากาศครอบบำบัดรักษา

                   -   ประสานออกกำลังกายให้เป็นประจำทุกวัน    และออกกำลังกายให้ถูกหลักวิธีการ    การประสานออกกำลังกายจะช่วยผลักดันให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนเร็วขึ้น    และช่วยขับของเสียสารพิษออกจากบริเวณที่เจ็บปวดเร็วขึ้น    เพียงแต่วิธีออกกำลังกายต้องเลือกให้เหมาะกับอาการและสุขภาพของตน

                   -   พยายามบริโภคอาหารการกินการดื่มให้ถูกหลักอนามัย    หลีกเลี่ยงทานอาหารเค็มจัด   เผ็ดจัดหรือพยายามดื่มชา   กาแฟให้น้อยที่สุด

                   -   ถ้าเป็นอาการโรคข้อที่อักเสบเรื้อรัง    จนมีเลือดคั่งเกาะติดตามบริเวณตามข้อ    ควรจะให้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดฝ่าเท้า    การวางถ้วยดูดบำบัดอาการจะได้ผลที่เร็วขึ้นและใช้เข็มเฉพาะเคาะตีบริเวณที่อักเสบ และทยอยดูดลิ่มเลือดออกจากบริเวณดังกล่าว



 

วิธีใช้ถ้วยดูดระบบสุญญากาศ

     1. คัดเลือกขนาดของถ้วยดูดให้เหมาะกับตำแหน่งของผิวหนังที่จะทำการดูด แล้วดึงจุกบนถ้วยขึ้นเล็กน้อย    เพื่อให้มั่นใจว่าอากาศจะผ่านออกได้  (ดังภาพที่  1)

หลักการและสาเหตุที่ต้องนำศาสตร์ของการนวดฝ่าเท้า  มาประสานกับการนวดกดจุดลมปราณและประสานกับการวางถ้วยดูดสุญญากาศ 

 

 1.   ผู้คนส่วนมากในสังคมปัจจุบันมีสุขภาพที่ทรุดโทรมอ่อนแอ   ภูมิคุ้มกันตกต่ำ  เป็นโรคง่ายมีอาการโรคเยอะ  เกิดจากปัจจัยลบต่างๆ  ที่คอยกระทบกระเทือนบั่นทอนสุขภาพอยู่เกือบตลอดเวลา 

                   -   เกิดจากสังคมสิ่งแวดล้อมที่มีมลภาวะเป็นพิษ   ชั้นอากาศออกซิเจนลดน้อยลง  ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับเพิ่มทวีมากขึ้น   ก๊าซเสียสารพิษต่างๆ  เหล่านี้ถูกสูบเข้าไปในปอดเข้าไปในร่างกาย   นอกจากทำให้เลือดไหลเวียนช้า  มิได้ถูกขับออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ   ก็จะทยอยตกค้างสะสมอยู่ในร่างกาย  

                   -   การเคลื่อนไหวร่างกายที่ลดน้อยลง  2 เท้าขยับเดินทางน้อยลง  2 มือเกือบไม่ขยับทำงาน  ส่งผลทำให้เขตสะท้อนที่กระจาย 2 ข้างฝ่าเท้า  เส้นลมปราณ  จุดลมปราณต่างๆ  เส้นประสาท  เซลล์ประสาทที่กระจายทั่วร่างกายถูกบล๊อกไว้  ถูกจำกัดประสิทธิภาพงาน  ส่งผลทำให้เลือดไหลเวียนในระบบหลอดเลือดไหลเวียนไม่มีพลัง  ช้า  ผิดระเบียบ  ไม่สม่ำเสมอ  และส่งผลทำให้อวัยวะต่างๆ  ภายในร่างกาย  กลไกระบบต่างๆ  ในร่างกายประสิทธิภาพงานพลอยตกต่ำ

                   -  เกิดจากอาหารการกินการดื่มที่เราบริโภคอยู่ส่วนมากเติมใส่สารยาเคมี  หรือกระทั่งมีสารพิษเคมีเจือปน  สารยาเคมีสารพิษเหล่านี้ถูกบริโภคเข้าไปในร่างกาย  นอกจากทำให้เลือดเหน็ดไหลเวียนช้า   และของเสียสารพิษเหล่านี้มิได้ถูกขับออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ   ก็จะทยอยตกค้างสะสมอยู่ในร่างกายโดยเฉพาะยังมีสารยาเคมีบางอย่าง   ก่อเกิดผลข้างเคียงในร่างกายกระทบกระเทือนบั่นทอนถึงอวัยวะหลักหลายอย่างในร่างกาย เช่น ไต  ตับ  กระเพาะอาหาร  ฯลฯ

                   -   เกิดจากการดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบันที่แข่งขันรุนแรง   ทำให้ผู้คนส่วนมากง่ายก่อเกิดอารมย์เคร่งเครียด  หงุดหงิด  กังวล  ห่วงใย  อารมย์ที่ผันแปรเช่นนี้ง่ายก่อเกิดเลือดลมไหลเวียนติดขัด

                   จากที่เราดำเนินชีวิตที่สวนทาง  ขัดกับธรรมชาติเช่นนี้  หลีกเลี้ยงไม่พ้นที่ทำให้เลือดลมที่ไหลเวียนอยู่ในระบบหลอดเลือดของร่างกายเราไหลเวียนผิดระเบียบไหลเวียนอย่างไม่มีพลัง  ไม่สม่ำเสมอ   ส่งผลทำให้อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายไม่ได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ  ประสิทธิภาพงานก็จะพลอยตกต่ำ   หรือกระทั่งเกิดอาการเจ็บปวดไม่สบายตามมา   และก็ส่งผลต่อการทำให้ประสิทธิภาพงานของกลไกระบบต่างๆ  ภายในร่างกายพลอยตกต่ำ   โดยเฉพาะกลไกของระบบกลั่นกรอง  ระบบดุลยภาพที่ตกต่ำ    จะไม่สามารถขับของเสียสารพิษออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ   ของเสียสารพิษต่างๆ  ก็จะทยอยตกค้างสะสมอยู่ตามบริเวณต่างๆในร่างกาย   ตามผนัง