[ใหม่] ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซีเคร็ท เบิร์น แอล-คาร์นิทีน แอล-ทาร์เทรต ลดน้ำหนัก ปัญหาของความอ้วน
547 สัปดาห์ ที่แล้ว
- กรุงเทพมหานคร - คนดู 15
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซีเคร็ท เบิร์น แอล-คาร์นิทีน แอล-ทาร์เทรต ลดน้ำหนัก ปัญหาของความอ้วน
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซีเคร็ท เบิร์น แอล-คาร์นิทีน แอล-ทาร์เทรต
(Zcret Burn L-carnitine L-tartrate)
ส่วนประกอบสำคัญ
1.แอล-คาร์นิทีน แอล-ทาร์เทรต (L-carnitine L-tartrate)
L-Carnitine (แอลคาร์นิทีน) เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็น (Essential Amino Acids)
ที่ร่างกายต้องสร้างขึ้นจากกรดอะมิโน 2 ตัว (Lysine และ Methionine)
, วิตามิน 3 ตัว (Vitamin B6, Vitamin C และNiacin) และเกลือแร่ 1 ตัว (Iron)
ดังนั้น หากร่างกายขาดกรดอะมิโน, วิตามิน หรือเกลือแร่ ดังกล่าว แม้ตัวใดตัวหนึ่ง
ก็จะทำให้ร่างกายขาดแอลคาร์นิทีนไปด้วย ซึ่งจำเป็นที่ร่างกายจะต้องได้รับแอลคาร์นิทีนทดแทนเข้าไป
เพราะ แอลคาร์นิทีนเป็นกรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อร่างกาย มีคุณสมบัติช่วยเปลี่ยนไขมันที่สะสมอยู่ในที่ต่างๆ
ของร่างกายให้กลายเป็นพลังงาน ดังนั้น แอลคาร์นิทีน จึงมีฤทธิ์เป็นตัวเผาผลาญไขมัน (Fat Burner)
โดยจะไปลดระดับของโคเลสเตอรอล (Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ซึ่งเป็นไขมันอันตราย
ที่จะไปอุดตันทางเดินของเลือดในเส้นเลือด โดยเฉพาะเส้นเลือดในสมอง และเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ อันเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากเส้นเลือดในสมองแตก และเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอุดตัน
ขั้นตอนการทำงานของ L-Carnitine ที่ช่วยทำให้ร่างกายดูกระชับได้สัดส่วน
1. เร่งนำไขมันเข้าสู่ไมโตคอนเดรีย เพื่อใช้เป็นพลังงาน
2. ลดขบวนการ Glycolysis
3. ลดการสลาย Branch amino Acids
4. กระตุ้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อ
5. เพิ่มปริมาณ Mitochondrial Free CoA
6. เพิ่มการขนส่งอิเล็คตรอนเพื่อให้เกิดพลังงาน
7. เพิ่มการนำกูลโคสไปเลี้ยงเซลล์สมอง
L-Carnitine เร่งนำไขมันไปเผาผลาญ
จึงช่วยลดน้ำหนักลงได้ เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ จึงทำให้ผิวกระชับเฟิร์ม และป้องกันการสลายของมวลกล้ามเนื้อ, นำกูลโคสไปเลี้ยงเซลล์สมองทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวสดชื่น นอกจากนั้นหากการควบคุมอาหาร แป้ง และน้ำตาล ควบคู่ กับการเสริม แอลคาร์นิทีน จะทำให้การควบคุมน้ำหนักเห็นผลอย่างดียิ่งขึ้น
L-Carnitine กับ สุขภาพ
1. ลดไตรกลีเซอไรด์ คือไขมันในกระแสเลือด ป้องกันเบาหวานและ โรคหัวใจ เพิ่ม (HDL) ไขมันดี ลด (LDL) ไขมันร้าย
2.ช่วยให้แก่ช้าลง โดยแอล-คาร์นิทีนจะเป็นแหล่งพลังงานให้กับเซลล์ต่างๆ ป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์
3. ช่วยเพิ่มความสามารถในการออกกำลังกายเพิ่มขึ้น โดยป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อจากสาเหตุออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอ
4. แอลคาร์นิทีน ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี่กระเปร่า มีความตื่นตัวตลอดเวลา
5. ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และสภาวะหัวใจล้มเหลว
2.ถั่วขาวสกัด (White Kidney Bean Extract)
สารสกัดจากถั่วขาว มีสารฟาซิโอลามิน (Phaseolamin) คือ สารที่ทำหน้าที่ช่วยยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ แอลฟา-อะไมเลส ที่ทำหน้าที่ย่อยคาร์โบไฮเดรต บริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ช่วยย่อยแป้งให้เป็นโมเลกุลที่เล็กลง ส่งผลให้อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลที่เรารับประทานเข้าไปถูกดูดซึมนำไปใช้เป็น พลังงานเพียงบางส่วนเท่านั้น โดยสารฟาซีโอลามิน มีฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการย่อยแป้งเป็นน้ำตาลถึง 66% แล้วขับถ่ายเป็นแป้งออกไปทั้งหมด ที่เหลืออีก 34% นั้นเอ็นไซม์จะย่อยน้ำตาลอย่างอิสระเช่นเดิม แป้งที่เราบริโภคเข้าไปจึงไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายทั้งหมด การสะสมของไขมันที่เกิดจากการเปลี่ยนรูปของน้ำตาลจึงลดลงด้วย เมื่อร่างกายได้รับพลังงานลดลง จึงดึงเอาไขมันเก่าที่สะสมไว้มาเผาผลาญ ทำให้ไขมันในร่างกายลดลงด้วย
ประโยชน์ของสารสกัดจากถั่วขาว
-มีส่วนช่วยในการยั้บยั้งการย่อยของคาร์โบไฮเดรต
-ป้องกันไม่ให้เกิดอาการหิวบ่อย
-มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก
-ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
-ลดระดับไตรกลีเซอไรด์
3.ผลส้มแขกสกัด (Garcinia Extract)
ส้มแขก มีสารสำคัญที่มีชื่อว่า Hydroxycitric Acid หรือเรียกสั้นๆว่า “HCA” ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเอนไซม์ในกระบวนการสร้างไขมันจากการบริโภคอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตสูง นอกจากนี้ยังมีกรดอินทรีย์อื่นๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น กรดซิตริก (Citric Acid), กรดโดคีคาโนอิค (Dodecanoic Acid), กรดออคตาดีคาโนอิค (Octadecanoic acid) และกรดเพนตาดีคาโนอิค (Pentadecanoic acid)
ในปัจจุบัน ส้มแขกได้มีการนำไปสกัดทำเป็นผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน หลายรูปแบบ เช่น แบบผง แบบเม็ด ชาส้มแขก ส้มแขกแคปซูล โดยจะมีขนาดตั้งแต่ 300-600 มิลลิกรัม และจะมีเนื้อส้มแขกประมาณ 250-500 มิลลิกรัม และมีปริมาณ HCA ประมาณ 60-70% โดยจะแตกต่างกับส้มแขกบดแห้งบรรจุแคปซูลธรรมดาที่ไม่ได้ผ่านการสกัด ซึ่งจะมีปริมาณของ HCA เพียง 30% เท่านั้น โดยวิธีการรับประทาน สารสกัดส้มแขก ให้รับประทานก่อนอาหารประมาณ 1 ชั่วโมงครั้งละ 1,000-1,200 มิลลิกรัม (ถ้าเม็ดละ 300 mg. ก็ใช้ 3-4 เม็ด) วันละ 3 ครั้งจะช่วยทำให้ยาดูดซึมได้ดีที่สุด
คำแนะนำ : สำหรับผลิตภัณฑ์สารสกัดส้มแขกมีปริมาณ HCA ที่สูง ไม่ควรใช้กับสตรีตั้งครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร เพราะสารชนิดนี้จะไปรบกวนการสร้าง Fatty Acid, Acetyl coenzyme A รวมไปถึง Cholesterol ซึ่งอาจส่งผลต่อการสร้าง Steroid Hormone ได้นั่นเอง และสำหรับบุคคลทั่วไปการรับประทานในปริมาณมากเกินไปอาจมีอาการข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารได้
สรรพคุณของส้มแขก
-ช่วยแก้อาการไอ (ดอก)
-สรรพคุณส้มแขกใช้เป็นยาขับเสมหะ (ดอก)
-ผลแก่นำมาใช้ทำเป็นชาลดความดันได้ หรือจะใช้ดอกก็ได้ (ผลแก่,ดอก)
-ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้ดอกตัวผู้แห้งต้มกับน้ำ (อัตราส่วน 7ดอก : น้ำ 1 ลิตร) เติมน้ำครั้งที่สองใส่ดอก 3 ดอกต่อน้ำ 1 ลิตร โดยไม่ต้องทิ้งดอกที่ต้มในครั้งแรก แล้วนำมาดื่ม (ดอกตัวผู้)
-ใช้เป็นยาสมุนไพรช่วยฟอกโลหิต
-ใช้ทำเป็นยาแก้กระษัย ด้วยการนำมาตากแห้งแล้วต้มกับน้ำผสมกับรามังคุดและรากจูบู (ราก)
-ตำรายาพื้นบ้านใช้ส้มแขกทำเป็นยาบรรเทาอาการปวดท้องในสตรีมีครรภ์
-ส้มแขกสรรพคุณใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ
-ใบสดน้ำมารับประทานช่วยแก้อาการท้องผูก (ใบ)
-มีฤทธิ์เป็นยาขับปัสสาวะ
-รากใช้ทำเป็นยารักษานิ่ว ด้วยการนำมาตากแห้งแล้วต้มกับน้ำผสมกับรามังคุดและรากจูบู (ราก)
-ผลส้มแขกสรรพคุณช่วยลดความอยากอาหาร ความรู้สึกหิวอาหาร
-ช่วยเร่งระบบการเผาผลาญอาหาร
-ช่วยดักจับแป้งและไขมันจากอาหารที่รับประทานเข้าไป
-สารสกัดจากส้มแขกช่วยทำให้ลำไส้เกิดการเคลื่อนไหวตัวได้เร็วขึ้นและขับไขมันออกมา
-ส้มแขกลดน้ําหนัก เนื่องจากผลส้มแขกมีกรดมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (HCA) มีสรรพคุณในการช่วยลดน้ำหนักและช่วยลดไขมันส่วนเกินของร่างกายได้
-มีคุณสมบัติช่วยสกัดกั้นการเปลี่ยนแปลงของคาร์โบไฮเดรต (อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล) ไม่ให้เปลี่ยนเป็นไขมันสะสมตามร่างกายได้ แต่จะนำไปเป็นพลังงานให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายไม่อ่อนเพลีย
-ส้มแขกลดความอ้วน ช่วยกระตุ้นให้มีการดึงเอาไขมันที่สะสมในร่างกายออกมาใช้เป็นพลังงาน ทำให้ไขมันที่สะสมตามส่วนต่างๆของร่างกายลดน้อยลง ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีน้ำหนักลดลงอย่างช้าๆ ประมาณ 1 กิโลกรัมภายใน 3-4 อาทิตย์
4.ชาเขียวสกัด (Green Tea Extract)
ชาเขียว (Green Tea) เป็นชาที่ไม่ผ่านขั้นตอนการหมักเลย เพราะเมื่อเก็บใบชามาได้จะนำมาทำให้แห้งอย่างรวดเร็วในหม้อ ทองแดงโดยใช้ความร้อนไม่สูงเกินไปนักและใช้มือคลึงเบาๆ ก่อนแห้ง หรืออบไอน้ำ ในระยะเวลาสั้นๆ แล้วนำไปอบแห้งเพื่อยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ จึงได้ใบชาที่มีความสด และยังมีสีเขียวอยู่มาก การที่ใบชาไม่ผ่านขั้นตอนการหมักทำให้ใบชา ยังมีสารประกอบฟีนอลิก ( Phenolic compound ) หลงเหลืออยู่มากกว่า ชาดำกับชาอูหลง ทำให้ชาเขียวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาชนิดอื่น
ซึ่ง ชา มีสารแคทิชิน (Catechin) ซึ่งมีฤทธ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และเพิ่มสามารถในการจดจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง epigallocatechin-3-gallate (EGCG) ที่มีอยู่มากในตัวชา EGCG ซึ่งเป็นแคทิชิน ชนิดหนึ่งในชา มีฤทธิ์ในการลดความอ้วน ลดไตรกลีเซอไรด์ ลดคอเลสเตอรอล เพิ่มการใช้พลังงาน เพิ่มสันดาปไขมันในสัตว์ทดลอง ลดการดูดซึมไขมันในลำไส้ ลดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไขมัน ลดการสะสมของไขมันหน้าท้อง
ประโยชน์ของชาเขียว
-ช่วยในการขับสารพิษ และสารอนุมูลอิสระ จึงส่งผลในการป้องกันความเสี่ยงต่อภาวะมะเร็ง และโรคความเสื่อมของเซลล์และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
-EGCG จากชาเขียวสกัด เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการป้องกันการเกิดโรคท่อเลือดแดง และหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดอุดตัน (Coronary Artery Disease) จากการวิจัยพบว่า ชาเขียวสามารถช่วยลดคอเรสเตอรอลรวม และเพิ่มปริมาณคลอเรสเตอรอลชนิดดี(HDL)
-สารโพลีฟีนอล สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ สามารถช่วยทำลายเซลล์มะเร็งและหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ทั้งนี้ ชาเขียวมี ผลลัพธ์ ทางการแพทย์ในเชิงบวกต่อการรักษามะเร็งประเภทต่อไปนี้ เช่น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งทรวงอก มะเร็งรังไข่ มะเร็งปลายลำไส้ใหญ่หรือไส้ตรง มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน มะเร็งต่อมน้ำอสุจิ มะเร็งผิวหนัง มะเร็งกระเพาะอาหาร
-ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานประเภท-I และชะลอการเกิดโรคเบาหวาน เมื่อโรคเบาหวานได้เริ่มต้นเกิดขึ้นแล้ว โดยจะทำการควบคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในร่างกายให้อยู่ในภาวะสมดุล
-ช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ จึงสามารถช่วยล้างพิษและกำจัดพิษในลำไส้ของเราได้
-ช่วยในการการป้องกันตับจากความเสียหายจากสารพิษต่างๆ เช่น แอลกอฮอลล์
-สารสกัดชาเขียว ช่วยในการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกายให้เป็นพลังงาน
-ช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า เนื่องจากมีผลในการกระตุ้นการทำงานระดับเซลล์
5.ไคโตซาน (Chitosan)
ไคโตซาน เป็น ไบโอโพลิเมอร์ ธรรมชาติอย่างหนึ่ง ได้จากเส้นใยที่เรียกว่า "ไคติน" ซึ่งจะมีในเปลือกปู กุ้ง และแกนใสของปลาหมึก เป็นสารธรรมชาติที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และมีความปลอดภัยในการนำมาใช้กับมนุษย์ ไม่เกิดการแพ้ ไม่ไวไฟและไม่เป็นพิษ ( non – phyto toxic )ไม่เกิดผลเสียและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมต่อพืช นอกจากนี้ยังส่งเสริมการเพิ่มปริมาณของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
คุณสมบัติของไคโตซาน คือ ใช้ในการลดคลอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ฟื้นฟูสภาพผิวหนัง ป้องกันเชื้อแบคทีเรียไคโตซานเป็นตัวอย่าง ที่ชาญฉลาดของการจัดการกับกากของเสียจากอุตสาหกรรมอาหารที่ใช้กุ้ง ปู ปลาหมึก จากกระบวนการ Hydrolyse ไคโตซานถูกนำไปใช้ ประโยชน์หลายๆ อย่างได้อย่างน่าทึ่งในแทบทุกวงการ ทั้งการแพทย์ การเกษตร อุตสาหกรรม และสิ่งแวดล้อม
ส่วนประโยชน์ของไคติน-ไคโตซาน ในด้านความสวยความงาม คือ สามารถลดความอ้วน ได้ดีสุดยอดอย่างที่เราไม่อยากจะเชื่อ เมื่อไคตินนั้นได้กลายเป็นไคโตซานแล้ว ประจุบวกอันมหาศาล ของไคโตซาน จะเป็นที่ดึงดูดใจมากของเหล่ากรดไขมันอิสระ และคอเลสเตอรอลที่มีประจุลบ ดังนั้นเจ้าตัวต้นเหตุของความอ้วน ทั้ง 2 ตัว ก็จะเกาะติดแจกับไคโตซาน และระบบย่อยอาหารของคนไม่สามารถย่อยไคติน-ไคโตซานได้ทั้งหมดจึงถูกขับออกมา พร้อม กับอุจจาระโดยที่มีคอเลสเตอรอลและไขมันส่วนเกินตามออกมาด้วย
ไคโตซาน เป็นอนุพันธ์เดียวกันกับ Chondroitine ซึ่ง เป็นที่นิยมรักษาอาการปวดข้อ ปวดเข่า ในบางประเทศ ให้นักกีฬาทีต้องใช้พลังของข้อและกระดูก เช่นนักกายกรรม บาสเก็ตบอล ทานไคโตซานเป็นอาหารเสริม เชื่อว่าจะเสริมกระดูกอ่อนได้ ป้องกันการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมและแข่งขัน
ประโยชน์ของไคโตซาน
-ช่วยยับยั้งการดูดซึมของไขมัน
-- เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย
-- ทำให้ความดันโลหิตลดลง
-- การละลายของ thrombin
-- ช่วยเร่งการหายของบาดแผล
-- ป้องกันโรคกระดูกพรุน
-- ทำให้แบคทีเรียภายในลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
-- ปรับปรุงประสิทธิภาพการซ่อมแซมตับ
-- ล้างพิษที่ตกค้างในร่างกาย Detox
6.ฟรุกโตโอลิโกแซกคาร์ไรด์ (Fructooligosaccharides)
เป็นเส้นใยอาหาร ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ หรือ Prebiotic หมายถึง เส้นใยอาหารที่เป็นอาหารเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพให้เจริญเติบโตและขยายพันธุ์ และยังทำให้ลำไส้ทำงานได้อย่างเป็นปกติ ได้แก่ Fructooligosaccharide (FOS) ซึ่ง FOS ที่มีคุณภาพดีที่สุดและนิยมใช้กันทั่วโลก คือชนิดที่สกัดมาจากหัวชิคอรี่ (Chicory Root)
มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพลำไส้และร่างกาย คือ
-เป็นอาหารสำหรับจุลินทรีย์สุขภาพโดยเฉพาะ จึงช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์สุขภาพ และมีผลลดจำนวนจุลินทรีย์ก่อโรค และสารก่อพิษหรือก่อมะเร็งที่มันผลิตขึ้นมา เช่น แอมโมเนีย สกาทอล พีครีซอล อินดอล และฟีนอล
-ช่วยเพิ่มมวลอุจจาระ ทำให้อุจจาระชุ่มน้ำ ขับถ่ายออกได้ง่ายขึ้น
-ทำให้การเคลื่อนไหวและบีบตัวของลำไส้ดีขึ้น กากอาหารถูกขับเคลื่อนลงไปและขับถ่ายออกง่ายขึ้น มีกลิ่นเหม็นลดลง
-ป้องกันกระดูกพรุน โรคโลหิตจาง โดยช่วยเพิ่มการดูดกลับของแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และเหล็ก
-ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล โดยหลังจากถูกย่อยสลายด้วยแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้จะให้กรดไขมันสายสั้น ซึ่งจะช่วยยับยั้งการสร้างโคเลสเตอรอลที่ตับ
-ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาว ฟื้นระบบภูมิต้านทานในลำไส้ใหญ่
-ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยยับยั้งการสร้างสารก่อมะเร็ง
-ไม่ทำให้อ้วน เพราะไม่มีแคลอรี่
7.แคลเซียมไพรูเวท (Calcium Pyruvate)
เป็นสารที่มีความจำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญพลังงานในระดับเซลล์ ที่จะทำให้ร่างกายดึงเอาไขมันส่วนเกินออกมาใช้ และยังช่วยเพิ่มการส่งผ่านกลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังงาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อได้รับพลังงานในทันทีทันใด ร่างกายจึงรู้สึกสดชื่น มีพลัง สามารถออกกำลังกายหรือทำงานได้นานขึ้นโดยไม่รู้สึกเหนื่อยง่าย อีกทั้งยังเป็นคู่หูกับ “แอล-คาร์นิทีน” ในการทำหน้าที่เร่งการเผาผลาญไขมัน นอกจากนี้ยังช่วยเสริม “แคลเซียม” ให้กระดูกได้อีกด้วย
ราคา ปลีก 590 ซื้อ 3 กล่องแถม 1 กล่อง จ้า
สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่พี่ฝน
โทร : 081-7501495 หรือ 092-9659646
Line ID : pefon
IG :iamsoamsarai
web: www.soamsarai.com